วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556
กิจกรรมตั้งวงเล่า เม้าท์วิชาการ ประจำเดือนธันวาคม 2556
กระบี่เย้ยยุทธจักร: วิญญูชนจอมปลอม
วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2556 เวลา 14.00 - 16.00 น.
ณ ห้องมะปราง ตึกคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
โลกนี้มีแต่คนดีกับคนชั่วหรืออย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้นใครบ้างที่เป็นคนดี และใครบ้างที่เป็นคนชั่ว คนชั่วที่ช่วยเหลือคนจนไร้โอกาสยังเป็นคนชั่วอยู่หรือไม่ คนดีที่มุ่งหวังตำแหน่งสูง ทะเยอทะยาน และรังแกผู้คน ยังเป็นคนดีกระนั้นหรือ หรือคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดนี้อยู่ที่ไหน หลิงหูชง ตัวเอกในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรคือผู้ที่จะเล่าเรื่องราวอันซับซ้อนนี้ สำหรับหลิงหูชง ผู้ดีที่ขโมยของ ผู้ร้ายที่ปกป้องมิตร ฝ่ายธรรมะที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ฝ่ายอธรรมผู้ไม่เสแสร้ง ล้วนอยู่ในห้วงคำนึงของศิษย์หัวซานผู้นี้ หรือสิ่งที่เป็นปัญหาที่สุดคือความจอมปลอมของมนุษย์ เป็นไปได้หรือมี่คนที่พร่ำพรรณาถึงความดีแท้จริงแล้วคือคนที่เลวที่สุด ร่วมหาและถกคำตอบได้กับ อ.ดร.พิเชษฐ์ แสงทอง อ.ดร.สรรวภัทร พัฒโร อ.วีระพงศ์ ยศบุญเรือง และ อ.รชฎ สาตราวุธ ได้ ณ ห้องมะปราง ในกิจกรรมบ่ายวันพุธ วันที่ 11 ธันวาคม 2556 เวลา 14.00 - 16.00 น.
คำโปรยแซ่บถึงใจโดย อ.รชฎ สาตราวุธ
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556
พลาดไม่ได้! กิจกรรมเสวนาวิชาการของชาวมนุษยศาสตร์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2556
มาแล้วค่ะ กิจกรรมเสวนาวิชาการของสหายกลุ่มวิจัยมนุษยศาสตร์ปัตตานี (Pattani Humanities Research Group) ประเดิมด้วยการเสวนาเข้มข้นเผ็ดมันสองงานในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขอเชิญชวนคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาทุกคณะทุกชั้นปีที่สนใจเข้าร่วมการเสวนานี้
(ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่มีของว่างแจก หน่วยกิตกิจกรรมจะได้หรือไม่ ทางผู้จัดจะสอบถามพี่ตุ้มหรือฝ่ายกิจการนักศึกษาของคณะมนส.ให้อีกทีนะจ๊ะ)
งานแรก มาร์กซ์: การเมืองในปรัชญาและประวัติศาสตร์
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2556 เวลา 13.30 - 16.00 น. ณ ห้องมะกรูด 50333 ตึกคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

งานที่สอง กฎมีไว้กด?: เที่ยงธรรม ยุติธรรม ชอบธรรม คุณธรรม
วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2556 เวลา 13.00 - 16.00 ณ ห้องมะเดื่อ ตึกคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ขอขอบคุณ อ.รชฎ แห่งภาควิชาปรัชญา สำหรับคำโปรยอันเร้าใจเช่นนี้
วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556
มาสร้างความคึกคักให้กับชาวมนุษยศาสตร์กันเถอะ
หลายท่านอาจสงสัยว่ากลุ่มวิจัยมนุษยศาสตร์ปัตตานี (Pattani Humanities Research Group) จะตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร แล้วจะทำอะไรกันบ้าง สมาชิกคือใคร แล้วทำไมไม่ไปรวมกันให้เป็นทางการตั้งเป็นหน่วยวิจัย RU (Research Unit) ให้เป็นเรื่องเป็นราว ได้ทั้งเงินและได้ทั้ง KPI คณะด้วยซะเลย
ลองแล้วค่ะ ลองเสนอขอตั้งเป็น RU ไปแล้ว แต่ก็อย่างที่ได้เกริ่นไปบ้างในโพสต์แรกว่า แนวทางการทำงานของเรา (หน่วยวิจัยมนุษยศาสตร์ คุณค่า และการตีความ) ไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานของมหาวิทยาลัยในการตั้งเป็นหน่วยวิจัย (RU) ทั้งเรื่องการตีพิมพ์ในฐาน ISI และการหาเงินทุนวิจัยจากภายนอกให้ได้ขั้นต่ำหกแสนบาท (แต่หากชาวมนุษยศาสตร์กลุ่มใดทำได้ ก็อยากจะเชียร์ให้ทำนะคะ จะได้มีหน่วยวิจัยทางสายมนุษยศาสตร์เป็นตัวเป็นตนจริงๆขึ้นมาในระบบของมหาวิทยาลัยเราเสียที)
ถึงแม้จะไต่ไปไม่ถึง RU แต่เราก็ไม่อยากจะล้มเลิกความตั้งใจที่คิดที่พูดคุยกันไว้ จุดประสงค์หลักๆ คือเราอยากให้มีบรรยากาศทางวิชาการและการวิจัยแบบมนุษยศาสตร์ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มอ. ปัตตานีของเราให้มันคึกคักมีชีวิตชีวา ไม่แน่ใจว่าท่านผู้อ่านจะเห็นและรู้สึกเหมือนกันบ้างหรือไม่ว่า ตอนนี้เวลามหาวิทยาลัยหรือแม้คณะฯพูดถึงเรื่องการทำวิจัย จะมุ่งไปที่เรื่องการทำแต้ม ทำ KPI เป็นหลัก เป็นการกดดัน force ให้ทุกคนต้องทำงานวิจัยเพื่อจะได้ผ่านการประเมินการประกันคุณภาพมากกว่าที่จะกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศทางวิชาการอันจะนำไปสู่การเกิดคำถามงานวิจัยต่อไป
อย่างที่เรารู้กันว่าการทำวิจัย ควรจะมาจากการมีคำถาม มากกว่าที่จะเริ่มต้นด้วยการที่ว่าเราต้องทำเพื่อให้ผ่านการประเมิน TOR หรือแม้กระทั่ง SAR การเริ่มแบบกลับหัวกลับหางเช่นนี้แทนที่จะจูงใจให้อยากทำวิจัยกลับกลายเป็นความรู้สึกต่อต้านมากกว่า ธรรมชาติของแต่ละศาสตร์ก็มีความแตกต่างกัน คำถามการวิจัย โจทย์ วิธีวิทยา ก็มีความแตกต่างกัน คุณค่าของแต่ละศาสตร์ก็แตกต่างกัน ในที่นี้มนุษยศาสตร์ดูจะตกที่นั่งลำบากที่สุด รู้สึกเหมือนกันไหมคะว่าคนมนุษยศาสตร์ถูกตั้งคำถามว่าทำไมไม่ทำวิจัย หรือทำวิจัยน้อยเกินไปจากประชาคมคณะมนส.เรา เวลาพูดเรื่องวิจัยทีไร สายตาผู้บริหารจะพุ่งเป้ามาที่มนุษยศาสตร์ก่อนเลย ผู้บริหารฯก็พยายามนะคะ พยายามหาเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ สำหรับการทำวิจัยมาจัดอบรมให้เรา ทั้งเครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมต่างๆ วิธีการวิเคราะห์สถิติแบบต่างๆ การสร้างเครื่องมือแบบสอบถาม รูปแบบการทำวิจัยเชิงสถาบัน การทำวิจัยในชั้นเรียน หรือแม้กระทั่งเคล็ดลับในการตีพิมพ์วารสารในฐานข้อมูล Scopus หรือ ISI ให้ได้ ทางผู้บริหารก็คงรู้สึกว่าจัดอะไรต่อมิอะไรช่วยเรื่องการวิจัยมากแล้วแต่ทำไมงานวิจัยยังไม่กระเตื้องขึ้นอีก
ผู้เขียนโพสต์นี้เห็นถึงความพยายามความตั้งใจดีของผู้บริหารคณะฯที่จะส่งเสริมการวิจัยในคณะให้คึกคักนะคะ แต่ก็นะมันกลับกลายเป็นว่าผิดฝาผิดตัว เครื่องมือต่างๆ ที่คณะฯจัดอบรมนั้นไม่ใช่เครื่องมือการทำงานของมนุษยศาสตร์เลย ปัญหาน่าจะมาจากที่สมาชิกคณะฯที่มาจากศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์อาจจะยังไม่มีความเข้าใจธรรมชาติของศาสตร์อย่างมนุษยศาสตร์มากพอ หรือประชาคมคณะเรายังไม่เข้าใจศาสตร์ของกันและกันมากพอก็เป็นไปได้ค่ะ ความรู้และคุณค่าของงานแบบมนุษยศาสตร์ เน้นการตีความและทำความเข้าใจความคิดความรู้สึกตลอดจนการกระทำของมนุษย์เป็นหลัก จุดมุ่งหมายของความรู้แบบมนุษยศาสตร์ไม่ได้เป็นไปเพื่อ การบริหารจัดการ หรือ การสร้างนวตกรรมเชิงพาณิชย์ คุณค่าของงานสายมนุษยศาสตร์ที่ว่านี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับการยอมรับหรือเห็นคุณค่าในสายตาของศาสตร์สาขาอื่นๆ พูดง่ายๆว่าความรู้แบบมนุษยศาสตร์นี้อยู่ยากในสังคม/ประชาคมที่ให้ความหมายกับความรู้ที่เรียวแคบลง เหลือแค่เพียงการเน้นการใช้ประโยชน์เชิงรูปธรรมไม่ว่าจะเป็นการเอาไปทำมาหากินได้และบริหารจัดการได้
ก็ถ้าประชาคมส่วนใหญ่ไม่เข้าใจธรรมชาติและเห็นคุณค่าในงานทางมนุษยศาสตร์มากเท่าที่ควร ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของชาวมนุษยศาสตร์เองที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในประชาคมคณะมนส.มากขึ้น และจัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะสร้างบรรยากาศทางวิชาการ และส่งเสริมการวิจัยในแนวทางมนุษยศาสตร์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
งานวิจัยและวิชาการด้านมนุษยศาสตร์นอกจากจะเป็นภารกิจหลักของแต่ละภาควิชาหรือแผนกวิชาที่เปิดหลักสูตรทางด้านมนุษยศาสตร์จะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการแล้ว กลุ่มวิจัยมนุษยศาสตร์ปัตตานี (Pattani Humanities Research Group) จะเป็นเหมือนตัวเสริมตัวแจม สำหรับงานหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ได้มีเจ้าภาพหลักเราก็จะอาสามาเป็นผู้ประสานงาน ประชาสัมพันธ์และดำเนินการจัดกิจกรรมให้ (แต่เราไม่มีงบประมาณนะจ๊ะ ทำด้วยใจและแรงล้วนๆ) ส่วนกิจกรรมต่างๆ ที่มีภาควิชาหรือแผนกวิชาเป็นเจ้าภาพอยู่แล้ว หากเป็นงานด้านมนุษยศาสตร์แล้วล่ะก็เราก็จะขอแจมเต็มที่ ทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ เรียกแขกทั้งอาจารย์ นักศึกษาและบุคลากรให้มาเข้าร่วมกันให้คึกคัก
กลุ่มนี้ดำรงอยู่และทำงานแบบ Freeform ใครๆก็เป็นสมาชิกขอเพียงมีใจมีความต้องการสร้างบรรยากาศการวิจัยและการมองโลกแบบมนุษยศาสตร์ให้เกิดขึ้นในประชาคมคณะมนส. กิจกรรมก็แล้วแต่บรรดามิตรสหายจะสร้างสรรค์ การทำงานและกิจกรรมก็เปิดกว้างไม่ใช่แค่เพียงชาวมนุษยศาสตร์และไม่ใช่แค่คณาจารย์เท่านั้น แต่รวมถึงชาว สังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักศึกษา บุคลากรทุกแขนงที่มีใจอยากจะเข้าใจโลกแบบมนุษยศาสตร์ เรายินดีต้อนรับหมดทุกคนค่ะ
จากนี้ต่อไปเราจะมีการจัดกิจกรรมเป็นระยะๆ ทั้งที่กลุ่มร่วมกันจัดเอง และกิจกรรมของภาควิชาและแผนกวิชาต่างๆ เราจะมาประชาสัมพันธ์ และเขียนสรุปเล่าสู่กันฟังต่อไปค่ะ ใครมีไอเดียหรือจะจัดกิจกรรมแบบมนุษยศาสตร์ๆใดใดส่งข่าวมาทางนี้ด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้ร่วมจัดเราก็จะร่วมแจมสร้างบรรยากาศมนุษยศาสตร์ให้คึกคักมีชีวิตชีวากันค่ะ
ภมรี สุรเกียรติ
(อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์)
ลองแล้วค่ะ ลองเสนอขอตั้งเป็น RU ไปแล้ว แต่ก็อย่างที่ได้เกริ่นไปบ้างในโพสต์แรกว่า แนวทางการทำงานของเรา (หน่วยวิจัยมนุษยศาสตร์ คุณค่า และการตีความ) ไม่เข้าเกณฑ์มาตรฐานของมหาวิทยาลัยในการตั้งเป็นหน่วยวิจัย (RU) ทั้งเรื่องการตีพิมพ์ในฐาน ISI และการหาเงินทุนวิจัยจากภายนอกให้ได้ขั้นต่ำหกแสนบาท (แต่หากชาวมนุษยศาสตร์กลุ่มใดทำได้ ก็อยากจะเชียร์ให้ทำนะคะ จะได้มีหน่วยวิจัยทางสายมนุษยศาสตร์เป็นตัวเป็นตนจริงๆขึ้นมาในระบบของมหาวิทยาลัยเราเสียที)
ถึงแม้จะไต่ไปไม่ถึง RU แต่เราก็ไม่อยากจะล้มเลิกความตั้งใจที่คิดที่พูดคุยกันไว้ จุดประสงค์หลักๆ คือเราอยากให้มีบรรยากาศทางวิชาการและการวิจัยแบบมนุษยศาสตร์ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มอ. ปัตตานีของเราให้มันคึกคักมีชีวิตชีวา ไม่แน่ใจว่าท่านผู้อ่านจะเห็นและรู้สึกเหมือนกันบ้างหรือไม่ว่า ตอนนี้เวลามหาวิทยาลัยหรือแม้คณะฯพูดถึงเรื่องการทำวิจัย จะมุ่งไปที่เรื่องการทำแต้ม ทำ KPI เป็นหลัก เป็นการกดดัน force ให้ทุกคนต้องทำงานวิจัยเพื่อจะได้ผ่านการประเมินการประกันคุณภาพมากกว่าที่จะกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศทางวิชาการอันจะนำไปสู่การเกิดคำถามงานวิจัยต่อไป
อย่างที่เรารู้กันว่าการทำวิจัย ควรจะมาจากการมีคำถาม มากกว่าที่จะเริ่มต้นด้วยการที่ว่าเราต้องทำเพื่อให้ผ่านการประเมิน TOR หรือแม้กระทั่ง SAR การเริ่มแบบกลับหัวกลับหางเช่นนี้แทนที่จะจูงใจให้อยากทำวิจัยกลับกลายเป็นความรู้สึกต่อต้านมากกว่า ธรรมชาติของแต่ละศาสตร์ก็มีความแตกต่างกัน คำถามการวิจัย โจทย์ วิธีวิทยา ก็มีความแตกต่างกัน คุณค่าของแต่ละศาสตร์ก็แตกต่างกัน ในที่นี้มนุษยศาสตร์ดูจะตกที่นั่งลำบากที่สุด รู้สึกเหมือนกันไหมคะว่าคนมนุษยศาสตร์ถูกตั้งคำถามว่าทำไมไม่ทำวิจัย หรือทำวิจัยน้อยเกินไปจากประชาคมคณะมนส.เรา เวลาพูดเรื่องวิจัยทีไร สายตาผู้บริหารจะพุ่งเป้ามาที่มนุษยศาสตร์ก่อนเลย ผู้บริหารฯก็พยายามนะคะ พยายามหาเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ สำหรับการทำวิจัยมาจัดอบรมให้เรา ทั้งเครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมต่างๆ วิธีการวิเคราะห์สถิติแบบต่างๆ การสร้างเครื่องมือแบบสอบถาม รูปแบบการทำวิจัยเชิงสถาบัน การทำวิจัยในชั้นเรียน หรือแม้กระทั่งเคล็ดลับในการตีพิมพ์วารสารในฐานข้อมูล Scopus หรือ ISI ให้ได้ ทางผู้บริหารก็คงรู้สึกว่าจัดอะไรต่อมิอะไรช่วยเรื่องการวิจัยมากแล้วแต่ทำไมงานวิจัยยังไม่กระเตื้องขึ้นอีก
ผู้เขียนโพสต์นี้เห็นถึงความพยายามความตั้งใจดีของผู้บริหารคณะฯที่จะส่งเสริมการวิจัยในคณะให้คึกคักนะคะ แต่ก็นะมันกลับกลายเป็นว่าผิดฝาผิดตัว เครื่องมือต่างๆ ที่คณะฯจัดอบรมนั้นไม่ใช่เครื่องมือการทำงานของมนุษยศาสตร์เลย ปัญหาน่าจะมาจากที่สมาชิกคณะฯที่มาจากศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์อาจจะยังไม่มีความเข้าใจธรรมชาติของศาสตร์อย่างมนุษยศาสตร์มากพอ หรือประชาคมคณะเรายังไม่เข้าใจศาสตร์ของกันและกันมากพอก็เป็นไปได้ค่ะ ความรู้และคุณค่าของงานแบบมนุษยศาสตร์ เน้นการตีความและทำความเข้าใจความคิดความรู้สึกตลอดจนการกระทำของมนุษย์เป็นหลัก จุดมุ่งหมายของความรู้แบบมนุษยศาสตร์ไม่ได้เป็นไปเพื่อ การบริหารจัดการ หรือ การสร้างนวตกรรมเชิงพาณิชย์ คุณค่าของงานสายมนุษยศาสตร์ที่ว่านี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับการยอมรับหรือเห็นคุณค่าในสายตาของศาสตร์สาขาอื่นๆ พูดง่ายๆว่าความรู้แบบมนุษยศาสตร์นี้อยู่ยากในสังคม/ประชาคมที่ให้ความหมายกับความรู้ที่เรียวแคบลง เหลือแค่เพียงการเน้นการใช้ประโยชน์เชิงรูปธรรมไม่ว่าจะเป็นการเอาไปทำมาหากินได้และบริหารจัดการได้
ก็ถ้าประชาคมส่วนใหญ่ไม่เข้าใจธรรมชาติและเห็นคุณค่าในงานทางมนุษยศาสตร์มากเท่าที่ควร ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของชาวมนุษยศาสตร์เองที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในประชาคมคณะมนส.มากขึ้น และจัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะสร้างบรรยากาศทางวิชาการ และส่งเสริมการวิจัยในแนวทางมนุษยศาสตร์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
งานวิจัยและวิชาการด้านมนุษยศาสตร์นอกจากจะเป็นภารกิจหลักของแต่ละภาควิชาหรือแผนกวิชาที่เปิดหลักสูตรทางด้านมนุษยศาสตร์จะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการแล้ว กลุ่มวิจัยมนุษยศาสตร์ปัตตานี (Pattani Humanities Research Group) จะเป็นเหมือนตัวเสริมตัวแจม สำหรับงานหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ได้มีเจ้าภาพหลักเราก็จะอาสามาเป็นผู้ประสานงาน ประชาสัมพันธ์และดำเนินการจัดกิจกรรมให้ (แต่เราไม่มีงบประมาณนะจ๊ะ ทำด้วยใจและแรงล้วนๆ) ส่วนกิจกรรมต่างๆ ที่มีภาควิชาหรือแผนกวิชาเป็นเจ้าภาพอยู่แล้ว หากเป็นงานด้านมนุษยศาสตร์แล้วล่ะก็เราก็จะขอแจมเต็มที่ ทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ เรียกแขกทั้งอาจารย์ นักศึกษาและบุคลากรให้มาเข้าร่วมกันให้คึกคัก
กลุ่มนี้ดำรงอยู่และทำงานแบบ Freeform ใครๆก็เป็นสมาชิกขอเพียงมีใจมีความต้องการสร้างบรรยากาศการวิจัยและการมองโลกแบบมนุษยศาสตร์ให้เกิดขึ้นในประชาคมคณะมนส. กิจกรรมก็แล้วแต่บรรดามิตรสหายจะสร้างสรรค์ การทำงานและกิจกรรมก็เปิดกว้างไม่ใช่แค่เพียงชาวมนุษยศาสตร์และไม่ใช่แค่คณาจารย์เท่านั้น แต่รวมถึงชาว สังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักศึกษา บุคลากรทุกแขนงที่มีใจอยากจะเข้าใจโลกแบบมนุษยศาสตร์ เรายินดีต้อนรับหมดทุกคนค่ะ
จากนี้ต่อไปเราจะมีการจัดกิจกรรมเป็นระยะๆ ทั้งที่กลุ่มร่วมกันจัดเอง และกิจกรรมของภาควิชาและแผนกวิชาต่างๆ เราจะมาประชาสัมพันธ์ และเขียนสรุปเล่าสู่กันฟังต่อไปค่ะ ใครมีไอเดียหรือจะจัดกิจกรรมแบบมนุษยศาสตร์ๆใดใดส่งข่าวมาทางนี้ด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้ร่วมจัดเราก็จะร่วมแจมสร้างบรรยากาศมนุษยศาสตร์ให้คึกคักมีชีวิตชีวากันค่ะ
ภมรี สุรเกียรติ
(อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์)
มนุษยศาสตร์ คืออะไร
มนุษยศาสตร์ (Humanities) คือศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ มุ่งทำความเข้าใจความรู้สึกนึกคิด ความรู้สึกทางอารมณ์ จินตนาการ ความฝัน ความหมาย คุณค่า คุณธรรม และจริยธรรม ที่มนุษย์ในฐานะปัจเจกบุคคลได้แสดงออกผ่านท่าทาง การกระทำ คำพูด งานเขียน หรือผ่านผลงานสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ โดยมีวิธีวิทยาหลัก (Methodology) อยู่ที่การตีความ (Interpretation) ความหมาย (Meaning) ที่ซ่อนแฝงอยู่ภายใน การศึกษาตีความนั้นมิได้ให้ความสำคัญแต่ด้านอัตวิสัย (Subjectivity) เท่านั้นแต่ยังบูรณาการมิติของภววิสัย (Objectivity) เข้าไว้ด้วยกัน เนื่องด้วยการรับรู้โลกภายนอกของมนุษย์ล้วนแล้วแต่สัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นกับความเข้าใจโลกภายในของตนเอง
การวิจัยในโลกร่วมสมัยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทหลัก คือ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยทางสังคมศาสตร์เชิงสถิติข้อมูล และการวิจัยทางมนุษยศาสตร์ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมุ่งหาแบบแผน ควบคุม และจัดระเบียบโลกกายภาพ ในขณะที่การวิจัยทางสังคมศาสตร์เชิงสถิติข้อมูลเน้นหาแบบแผน ควบคุม และจัดระเบียบมนุษย์ในมิติโลกกายภาพ แต่การวิจัยทางมนุษยศาสตร์มิได้มุ่งหาแบบแผน ควบคุม และจัดระเบียบมนุษย์และโลกกายภาพ หากแต่เป็นการมุ่งศึกษาเพื่อให้เกิด "ความเข้าใจ" (Understanding) มนุษย์ในฐานะองค์ประธาน (Subject) ผู้มีอารมณ์ ความรู้สึก สำนึกคิด อันเกี่ยวร้อยถ้อยโยงกับตัวมนุษย์เองและโลกที่ห่อหุ้มมนุษย์ไว้ในความหมายที่กว้างที่สุด
มนุษยศาสตร์ แม้จะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์โดยตรง แต่มิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะ "อธิบาย" พฤติกรรมหรือแบบแผนทางสังคมของมนุษย์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เหมือนดังความมุ่งหมายของสาขาวิชาเฉพาะอื่นๆ เช่น พฤติกรรมศาสตร์ ประชากรศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยา จิตวิทยา และการจัดการ เป็นต้น มนุษยศาสตร์ ศึกษาสิ่งที่เป็นนามธรรม มุ่งหมายที่จะเข้าถึง ความรู้สึกทางอารมณ์ และความรู้สึกนึกคิดภายในตัวตนของมนุษย์ในฐานะปัจเจกบุคคลเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้วิธีวิทยาของมนุษยศาสตร์ จึงมีลักษณะที่แตกต่างออกไปจากวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ การเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดไม่สามารถวัด หรือกำหนดเป็นกฎ (Law) ที่แน่นอนดังเช่นในสาขาวิทยาศาสตร์ หรือทฤษฎี (Theory) ในสาขาวิชาสังคมศาสตร์ต่างๆได้ "การตีความ" จึงเป็นวิธีวิทยาสำคัญของมนุษยศาสตร์ในการแกะรอยระบบสัญญะต่างๆ เพื่อเข้าถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใน
มนุษยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีเนื้อหาครอบคลุมกว้างขวาง โดยมีศิลปวิทยาการด้านปรัชญา (Philosophy) ประวัติศาสตร์ (History) ภาษาและวรรณคดี (Languages and Literature) และศิลปะแขนงต่างๆ (Arts) เป็นแกนหลักของการศึกษา การศึกษามนุษย์ในสี่มิตินี้มีผลทำให้เราเข้าใจ มนุษย์ สังคม และโลกในความหมายที่แตกต่างไปจากการรับรู้ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์เพียงอย่างเดียว การศึกษามนุษย์ในลักษณะดังกล่าวนี้เองเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การเข้าใจปรากฏการณ์ที่เป็นปัญหาได้ดีขึ้น อันเอื้อหนุนให้มนุษย์สามารถเห็นปัญหาได้ชัดเจนขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิจัยในโลกร่วมสมัยสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทหลัก คือ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยทางสังคมศาสตร์เชิงสถิติข้อมูล และการวิจัยทางมนุษยศาสตร์ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมุ่งหาแบบแผน ควบคุม และจัดระเบียบโลกกายภาพ ในขณะที่การวิจัยทางสังคมศาสตร์เชิงสถิติข้อมูลเน้นหาแบบแผน ควบคุม และจัดระเบียบมนุษย์ในมิติโลกกายภาพ แต่การวิจัยทางมนุษยศาสตร์มิได้มุ่งหาแบบแผน ควบคุม และจัดระเบียบมนุษย์และโลกกายภาพ หากแต่เป็นการมุ่งศึกษาเพื่อให้เกิด "ความเข้าใจ" (Understanding) มนุษย์ในฐานะองค์ประธาน (Subject) ผู้มีอารมณ์ ความรู้สึก สำนึกคิด อันเกี่ยวร้อยถ้อยโยงกับตัวมนุษย์เองและโลกที่ห่อหุ้มมนุษย์ไว้ในความหมายที่กว้างที่สุด
มนุษยศาสตร์ แม้จะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์โดยตรง แต่มิได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะ "อธิบาย" พฤติกรรมหรือแบบแผนทางสังคมของมนุษย์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เหมือนดังความมุ่งหมายของสาขาวิชาเฉพาะอื่นๆ เช่น พฤติกรรมศาสตร์ ประชากรศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมวิทยา จิตวิทยา และการจัดการ เป็นต้น มนุษยศาสตร์ ศึกษาสิ่งที่เป็นนามธรรม มุ่งหมายที่จะเข้าถึง ความรู้สึกทางอารมณ์ และความรู้สึกนึกคิดภายในตัวตนของมนุษย์ในฐานะปัจเจกบุคคลเป็นสำคัญ ด้วยเหตุนี้วิธีวิทยาของมนุษยศาสตร์ จึงมีลักษณะที่แตกต่างออกไปจากวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ การเข้าถึงอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดไม่สามารถวัด หรือกำหนดเป็นกฎ (Law) ที่แน่นอนดังเช่นในสาขาวิทยาศาสตร์ หรือทฤษฎี (Theory) ในสาขาวิชาสังคมศาสตร์ต่างๆได้ "การตีความ" จึงเป็นวิธีวิทยาสำคัญของมนุษยศาสตร์ในการแกะรอยระบบสัญญะต่างๆ เพื่อเข้าถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใน
มนุษยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีเนื้อหาครอบคลุมกว้างขวาง โดยมีศิลปวิทยาการด้านปรัชญา (Philosophy) ประวัติศาสตร์ (History) ภาษาและวรรณคดี (Languages and Literature) และศิลปะแขนงต่างๆ (Arts) เป็นแกนหลักของการศึกษา การศึกษามนุษย์ในสี่มิตินี้มีผลทำให้เราเข้าใจ มนุษย์ สังคม และโลกในความหมายที่แตกต่างไปจากการรับรู้ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์เพียงอย่างเดียว การศึกษามนุษย์ในลักษณะดังกล่าวนี้เองเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การเข้าใจปรากฏการณ์ที่เป็นปัญหาได้ดีขึ้น อันเอื้อหนุนให้มนุษย์สามารถเห็นปัญหาได้ชัดเจนขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ปรากฏการณ์ "แน่นอก" ของมนุษยศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี
Pattani Humanities Research Group
Pattani Humanities Research Group คือการรวมตัวกันของคณาจารย์ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่มีความรักในการสอนและการทำงานวิจัยสายมนุษยศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสาขาวิชาทางด้านภาษา วรรณคดี ปรัชญา ประวัติศาสตร์ มานุษยวิทยา ตลอดจนศิลปะแขนงต่างๆ
เป้าประสงค์เบื้องต้นของการก่อตั้งกลุ่ม คือ การสร้างเครือข่ายนักวิจัยรุ่นใหม่ในสายมนุษยศาสตร์ ที่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การสนับสนุนซึ่งกันและกันในการสร้างสรรค์งานด้านมนุษยศาสตร์ในรูปแบบต่างๆ การสร้างบรรยากาศการวิจัยและการเข้าใจโลกแบบมนุษยศาสตร์ให้เกิดขึ้นในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มอ. ปัตตานี
อันที่จริงคณาจารย์ด้านมนุษยศาสตร์ของคณะฯได้ทำงานวิจัย สร้างสรรค์กิจกรรม และผลิตผลงานที่มีคุณค่ามาโดยตลอด แต่ปัญหาอยู่ที่การทำงานด้านมนุษยศาสตร์ส่วนใหญ่นั้นถูกลดทอนคุณค่าจากเกณฑ์การประเมินที่มีตัวชี้วัด (KPI) ขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม หรือการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นจำนวน Paper ที่ตีพิมพ์ในวารสารที่อยู่ในฐาน ISI จำนวนเงินทุนวิจัยหลายแสนล้านบาทจากหน่วยงานภายนอก หรือนวตกรรมอันจะก่อให้เกิดรายได้
แม้ว่าเราจะอยู่ในมหาวิทยาลัยที่เป็นหนึ่งในเก้าของมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติก็ตาม แต่ด้วยความที่ผู้กำหนดและกำกับงานวิจัยส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยฯ หรือแม้แต่ภายในคณะฯเองก็ตามมิได้มีความเข้าใจ (หรือพยายามจะเข้าใจ) ธรรมชาติของงานสายมนุษยศาสตร์ ทำให้เกณฑ์การประเมินนั้นมิใช่เพียงจะลดทอนคุณค่า แต่ยังบิดเบือนหัวใจสำคัญของงานสายมนุษยศาสตร์ไปด้วย
ในวิกฤตการวิจัยที่ไม่เป็นมิตรกับสายมนุษยศาสตร์เช่นนี้ มีทางเลือกให้ไม่มากนักให้กับชาวมนุษยศาสตร์ บ้างก็อาจทดท้อใจล้มเลิกความพยายามในการทำวิจัย บ้างก็ต้องยอมพลิกพริ้วไปตามลมเพื่อความอยู่รอด บ้างก็ทำต่อไปอย่างมุ่งมั่นตามลำพัง แต่สำหรับกลุ่ม Pattani Humanities Research Group เลือกที่จะยืนหยัดในคุณค่าของการทำงานวิจัยในสายมนุษยศาสตร์ และให้ความสำคัญกับการรวมตัวกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งของคนทำงานสายมนุษยศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Pamaree Surakiat.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)